เมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือดำน้ำ “ไททัน” ซึ่งพานักท่องเที่ยวชมซากเรือไททานิกของบริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชันส์ (OceanGate Expeditions) สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยใต้มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทำให้ทางการสหรัฐฯ และแคนาดาต้องเร่งดำเนินการค้นหา
หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ รายงานว่า เรือดำน้ำลำดังกล่าว สูญหายขณะกำลังเดินทางไปยัง ซากเรือไททานิก โดยขาดการติดต่อหลังออกเดินทางไปได้ 1 ชั่วโมง 45 นาที
เมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) หัวหน้าทีมค้นหาและกู้ภัยระบุว่า เรือดำน้ำไททันมีขนาด 21 ฟุตมีออกซิเจนเพียงพอประมาณ 4 วัน โดย ณ ตอนนี้ คาดว่าเหลือออกซิเจนเพียงพอประมาณ 70 ชั่วโมง หรือราว 3 วัน
พลเรือตรี จอห์น มาเกอร์ ผู้บัญชาการเขตที่ 1 ของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กล่าวว่า ในเรือดำน้ำนี้มีผู้โดยสารอยู่ 5 คน ประกอบด้วยพลขับ 1 คน และผู้เชี่ยวชาญ 4 คน โดยไม่ได้ระบุตัวตนของบุคคลทั้งห้า และกล่าวว่าทางการยังอยู่ในขั้นตอนของการติดต่อสมาชิกในครอบครัว
ทั้งนี้มีรายงานว่า ฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจชาวอังกฤษที่ประจำอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือดำน้ำ ตามการโพสต์บนโซเชียลมีเดียของบริษัท Action Aviation ที่เขาเป็นเจ้าของ
ฮาร์ดิงเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่เดินทางด้วย Challenger Deep ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นจุดที่ลึกที่สุดในโลก เมื่อวันเสาร์ (17 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เขาเขียนถึงภารกิจชมเรือไททานิกว่า “ผมภูมิใจที่จะประกาศในที่สุดว่าผมได้เข้าร่วม โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชันส์ สำหรับภารกิจ RMS TITANIC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในเรือดำน้ำที่จะลงไปยังเรือไททานิก”
มาเกอร์กล่าวว่า “เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิด ณ จุดนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเรากำลังทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อค้นหาเรือที่จมอยู่ใต้น้ำและช่วยเหลือผู้ที่อยู่บนเรือ”
เขาเสริมว่า “เวลา” เป็นปัจจัยสำคัญในภารกิจครั้งนี้ “ในแง่ของชั่วโมง เราเข้าใจว่าเรามีเวลาประมาณ 96 ชั่วโมง และเราคาดว่าจะมีช่วงเวลาในการช่วยเหลือระหว่าง 70-96 ชั่วโมงเต็ม ณ จุดนี้”
นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่า ในปฏิบัติการค้นหา ได้มีการใช้เครื่องบิน 2 ลำ เรือดำน้ำ 1 ลำ และทุ่นโซนาร์มีส่วนร่วม แต่ระบุว่าพื้นที่ที่กำลังทำการค้นหาอยู่นั้นห่างไกลจากฝั่ง ทำให้ปฏิบัติการเป็นไปได้ยาก
ขณะนี้ เรือและเครื่องบินของสหรัฐฯ และแคนาดา กำลังค้นหาเรือรอบพื้นที่ประมาณ 1,450 กม. ทางตะวันออกของเคปคอด (Cape Cod) บางลำทิ้งทุ่นโซนาร์ที่สามารถตรวจสอบได้ลึกเกือบ 4,000 ม. แต่การค้นหานั้นซับซ้อน เนื่องจากไม่ทราบว่าเรือยังดำน้ำอยู่ หรือโผล่ขึ้นผิวน้ำมาแล้ว นั่นหมายความว่าทีมค้นหาต้องค้นหาทั้งผิวน้ำและใต้มหาสมุทรลึกเกือบ 4,000 เมตร
โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชันส์ ให้บริการนำผู้โดยสารไปยังซากเรือไททานิกที่ก้นมหาสมุทรด้วยราคาเริ่มต้นที่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (8.7 ล้านบาท)
การเดินทางจะใช้เวลา 8 วันด้วยเรือดำน้ำไททัน เริ่มต้นจากเมืองเซนต์จอห์น รัฐนิวฟาวด์แลนด์ แคนาดา และเริ่มต้นด้วยการเดินทางระยะทาง 700 กิโลเมตรไปยังซากเรือ และดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงเพื่อดูไททานิกอย่างใกล้ชิด ซึ่งอยู่ลึกลงไปกว่า 3,800 เมตร
จากข้อมูลของโอเชียนเกต ไททันเป็นเรือดำน้ำน้ำหนักกว่า 10.4 ตัน ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และไททาเนียม มีการใช้ “ระบบตรวจสอบสุขภาพตัวเรือตามเวลาจริง (RTM)” ซึ่งวิเคราะห์ความดันบนเรือและความสมบูรณ์ของโครงสร้างได้แบบเรียลไทม์
สำหรับโศกนาฏกรรมเรือไททานิกนั้น เป็นเรือลำใหญ่ที่สุดในยุคนั้น แต่ได้ชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในการเดินทางครั้งแรกจากเซาแธมป์ตันไปนิวยอร์กในปี 1912 เป็นเหตุให้มีเสียชีวิตมากกว่า 1,500 คนจากผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 2,200 คน
ซากปรักหักพังของไททานิกถูกสำรวจมาโดยตลอดนับตั้งแต่ถูกค้นพบในปี 1985 โดยซากเรือแบ่งเป็นสองส่วน โดยหัวเรือและท้ายเรือแยกจากกันประมาณ 790 เมตร
เมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่งมีการสแกนดิจิทัลซากเรือขนาดเต็มได้เป็นครั้งแรก โดยถูกสร้างขึ้นโดยใช้การทำแผนที่ใต้ทะเลลึก การสแกนแสดงทั้งขนาดของเรือ ตลอดจนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หมายเลขประจำเครื่องบนหนึ่งในใบพัด ฯลฯ
เรียบเรียงจาก BBC / CNNคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
ภาพจาก AFP / OceanGate