Elden Ring เกม Souls-like ที่ยกระดับเกมภาคเดิมอย่างสิ้นเชิง
หมายเหตุ: บทความนี้อ้างอิงมาจากเกมเพลย์เวอร์ชั่น PlayStation 5
การมาถึงของ Dark Souls ทำให้ทุกคนได้รู้ซึ้งกันว่าเกม RPG ไม่ได้มีแค่การสวมบทบาทอัศวินในชุดเกราะที่มุ่งเข้าสู่โลกแฟนตาซีเท่านั้น แต่เกมเพลย์ที่ท้าทายก็มีส่วนสำคัญในการขัดเกลาจนมันกลายเป็นประเภทเกมแบบใหม่ที่ทุกคนเรียกว่า Souls-like กระทั่งเวลาผ่านมานานพอเก็บชั่วโมงบินได้ ทาง FromSoftware ก็ไม่รอช้าจับมือกับ George R.R. Martin สร้างสรรค์โลกอันวิจิตรพิสดารขึ้นมาอีกครั้งในElden Ring
พร้อมกันนี้ยังได้ขยับขยายสเกลของโลกจากดันเจี้ยนที่เป็นเส้นตรง ให้กลายเป็นสมรภูมิรบทุ่งร้างขนาดใหญ่ที่ไม่มีการจำกัดว่า‘อะไรผิด – ถูก’ให้เราได้ทดลองเดินทางตามเส้นทางอย่างอิสระแบบโอเพนเวิล ฟังดูแล้วคล้ายกับว่าจะทำให้ผู้เล่นใหม่ได้หันมาลองกันบ้าง ซึ่งวันนี้เองThisIsGameBaseก็ได้รับโอกาสในการรีวิวเกมเพื่อนำความประทับใจมาแบ่งปันกันด้วย แต่จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นขอเชิญติดตามข้างล่างนี้ครับผม
【หัวใจหลักที่แฟน Souls-like ต้องชอบ】
เกมเพลย์ของElden Ringจะว่าไปแล้วมันก็เป็นแนวเดียวกับ Souls-like ที่ FromSoftware ถนัด นั่นคือการต่อสู้แบบอาศัยจังหวะตี – หลบ กลิ้ง แต่มีระบบควบคุมที่ดีคือมีการกระโดด ว่าง่ายๆ Mobility หายห่วงเลย เทคนิคการเล่าเรื่องใดๆ ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คือการเน้นย้ำให้ผู้เล่นปะติดปะต่อเอาเองด้วยการเดินเข้าไปสำรวจโต้งๆ หรือแนวคิดแบบที่ว่า‘เรียนรู้ด้วยความผิดพลาด’พร้อมการออกแบบโลกและเนื้อหาแบบดาร์คแฟนตาซีอย่างที่แฟนๆ คุ้นเคยและชื่นชอบ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากใครเล่นเกมมาหลายภาคจะรู้ว่ามันมีความง่ายกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งที่บอกว่าง่ายก็ไม่ใช่ง่ายจ๋าอะไรขนาดนั้น แต่มันเป็นเรื่องของ ‘การเรียนรู้จากความผิดพลาด’ ที่มันไม่ได้ชวนเจ็บใจมากเหมือนกับ Sekiro ที่อาจทำให้เราปาจอยมาแล้วนักต่อนัก เพราะคราวนี้ทุกครั้งที่เราพลาดท่า มันก็พอยอมรับได้ว่า เออมันคือความประมาทของตัวเอง ไม่ได้เป็นเพราะเดินนิดเดินหน่อยก็ตายอย่างที่เคยเป็น
และอย่างที่เราบอกว่าเทคนิคการเล่าเรื่องยังคงเหมือนเดิม ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์แห่งแดนมัชฌิมานี้ผ่านสายตาของตัวเราเองในฐานะ‘ผู้มัวหมอง’ไม่มีอะไรที่เรารู้เลยนอกจากว่าต้องเดินทางในดินแดนอันมหัศจรรย์นี้ ไปสู่ต้นไม้สีทองที่เราเห็นและขึ้นบัลลังก์เจ้าแห่งเอลเดนให้ได้ ซึ่งนี่มันก็เป็นเสน่ห์ของ FromSoftware และช่วยให้เราดื่มด่ำกับเรื่องราวผ่านสายตาของตัวละครได้อย่างตรงตามวัตถุประสงค์จากผู้พัฒนาเกมมากขึ้น อย่างไรเสียสำหรับผู้เล่นมือใหม่ออกจะเกิดอาการ‘งงเต๊ก’ขึ้นมาเพราะไปต่อไม่ถูก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยแตะซีรีส์มาก่อน ระหว่างนั้นมันก็เลยกลายเป็นการฟาร์มเลเวลกับลูกกระจ๊อกตามทาง แล้วก็เดินไปมาในแผนที่จนกว่าจะพบ ‘พร’ หรือจุดเซฟคล้ายกองไฟ ที่เราจะเห็นว่ามีควันสีทองพวยพุ่งออกมาคอยชี้นำทางให้แบบบอกใบ้
【ใหญ่ยิ่งกว่าเห็นด้วยตา】
Elden Ringขยับขยายโลกของเกมแนว Souls-like ด้วยเกมเพลย์แบบโอเพนเวิร์ล ในพื้นที่แรกที่เรามาถึงก็อาจจะคิดว่ามันใหญ่พอแล้ว แต่ความจริงมันยิ่งใหญ่กว่าที่เราเห็นด้วยตาเสียอีก เพราะอะไรน่ะเหรอ? คำตอบก็คือรายละเอียดต่างๆ ที่ใส่มาในดินแดนมัชฌิมาแห่งนี้นั่นเองครับ เราจะเจอทั้งแคมป์ของศัตรู โบราณสถานปรักหักพัง หรือดันเจี้ยนลับที่เดินเข้าไปแล้วมันก็‘ใหญ๊ใหญ่’ขึ้นไปอีก ช่วยให้เราได้เดินสำรวจกันอย่างสนุกสนานชนิดที่เล่นรอบเดียวก็น่าจะเก็บรายละเอียดไม่ครบ และเมื่อมีพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ ภูตอาชา หรือ ‘ม้าผี’ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเหลือเราในการเดินทาง โดยเราจะได้รับนกหวีดเพื่อเรียกมันออกมาช่วยทุ่นแรงเวลาขี้เกียจเดิน หรือยามที่จะต้องสวมหลวงพ่อโกย แถมเรายังสามารถต่อสู้กับศัตรูบนหลังม้าได้เหมือนกัน เท่ไม่หยอก ที่สำคัญลองฝึกกะจังหวะกระโดดสองขั้นให้ดี จะช่วยได้เยอะ
【อิสระไม่ได้มีเพียงการเดินทาง】
Elden Ringเป็นเหมือนกับ Dark Souls ที่อัดฉีดสเตียรอยด์ (ขอใช้ศัพท์ฝรั่ง) แบบเต็มพิกัด เพราะผู้เล่นมีอิสระในการควบคุมตัวละครได้มากขึ้นจนแอบคิดว่ามันคล้ายกับBreath of Elden Ringไม่ได้เลยครับ ผู้เล่นมีอิสระในการเข้าถึงศัตรูด้วยวิธีต่างๆ เช่นการซุ่มตามพุ่มไม้แล้วย่องไปกระซวกข้างหลัง ไปจนถึงการเลือกถืออาวุธที่ผสมผสานกันมาเป็นมูฟเซ็ตใหม่ๆ ได้เพราะเกมใช้ระบบอาวุธแบบตามตำแหน่งที่วางในมือเลย เรียกได้ว่าเอาใจคอแอคชั่นที่อยากค้นพบอะไรใหม่ๆ ได้ลองผิดลองถูกจนกว่าจะมีสูตรสำเร็จในการเดินเกม
นอกจากนี้เรื่องคลาสก็เป็นสิ่งสำคัญ จุดนี้หลายคนอาจมองว่าคลาสมันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะสุดท้ายเราก็ไปดัดแปลงสถานะได้ว่าถนัดแบบไหน แต่สำหรับคนเล่นมือใหม่ผมคิดว่ามันจะช่วย Shape ให้เราได้ประสบการณ์และหาแนวทางการเล่นได้ดีที่สุด ใครที่อยากลองเพลย์เซฟก็ใช้สายเวทย์เน้นยิงไกลไปก่อน
【กราฟิก – เพลงประกอบ】
ตัวเกมบน PlayStation 5 มาพร้อมกับการสนับสนุนโหมดกราฟิกสองรูปแบบคือเน้นภาพและเน้นเฟรมเรต ซึ่งคนโดยมากก็มักจะเน้นภาพกันมากกว่าเพราะมีหลายคนมองว่าเกมแนว Souls-like จะต้องเล่นที่ 30FPS เพื่อให้กะจังหวะถูก ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้เล่น แต่จากการทดสอบโหมด 60FPS งานภาพถือว่าสวยงามแต่ไม่ได้เข้าขั้นเน็กซ์เจ็นขนาดนั้น และบ่อยครั้งมีอาการภาพ pop-in เข้ามาเองจนรำคาญกันเลย ทั้งนี้เรื่องเฟรมเรตค่อนข้างนิ่งไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ส่วนเพลงประกอบคิดว่าติดหูและเล่นเข้ากับจังหวะดีเหมือนกัน ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่มากๆ ทีเดียว
【การแปลภาษาไทย】
มาถึงเรื่องการแปลภาษาไทยที่หลายคนรอคอย ตรงนี้เช่นเดิมจากเวอร์ชั่นทดสอบเมื่อปีที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับโอเคและใช้คำพูดที่ไม่แหวกแนวเกินไป อย่างไรก็ตามคำศัพท์ต่างๆ มันดูเฉพาะตัวมากๆ จนรู้สึกว่าติดตามยาก ทั้งนี้โดยรวมแล้วถือว่าแปลออกมาได้ไม่ผิดแผกนัก และใช้คำพูดในธีมโบราณได้สวยงามจริงๆ จะมีจุดที่น่าเสียดายเป็นเรื่องของชุดคำศัพท์บอกใบ้ในบางจุดที่เป็นระบบการนำมาเรียงกันแล้วมันอ่านออกมาได้แปลกจนค่อนไปในทางที่ไม่มีประโยชน์
สถานที่ยังพอว่า แต่เมนูคือ ‘บ่ได้’
【บทสรุป】
หลายคนอาจมองว่านี่เป็นก้าวแรกที่จะทำให้ Souls-like ได้เข้าถึงผู้เล่นมากขึ้นด้วยอิสระต่างๆ แต่สำหรับผมเอง ผมมองว่า Elden Ring ยังคงเป็นเกมที่เอาใจคอแอคชั่นสไตล์ท้าทายเหมือนเดิมและยังไม่เป็นมิตรกับมือใหม่ ทว่าในแง่ของคำว่า‘สมค่า’กับการเข้าชิง Game of the Year ไหมคำพูดจาก 9 เว็บ สล็อตเว็บตรง? จากสิ่งที่ต่างๆ ที่เสริมใส่เข้ามา ผมว่ามันก็เป็นนวัตกรรมมากเมื่อเปรียบเทียบกับเกมแนวเดียวกันที่เคยวางขายมา รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่อัปสเกลให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก แค่นั้นก็เกินพอที่จะตีตั๋วเข้าชิงเป็นตัวเต็งแถวหน้าในฐานะมาสเตอร์พีซแห่งปี 2022
ขอขอบคุณ BANDAI NAMCO Entertainment Asia สำหรับโอกาสที่ให้เราได้รีวิวผลงานเกมนี้กัน ซึ่งแฟนๆ ที่สนใจก็สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ทั้งบนอุปกรณ์ PlayStation, Xbox และ PC ผ่านร้านค้า Steam ส่วนโอกาสหน้าจะมีเรื่องราวอะไรมาอัปเดตกันนั้นขอเชิญติดตามที่นี่เช่นเคยครับผม
Elden Ring เกม เกมน่าเล่น เกมพีซี เกมแนะนำ ไกด์ ไกด์เกม